เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) มอบหมาย ดร.จิตติ มังคละศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ บพค. พร้อมด้วย ดร.ศุภฤกษ์ บุพศิริ นักวิเคราะห์อาวุโส บพค. เข้าร่วมพิธีเปิดงานประชุมวิชาการนานาชาติสาขาชีวเคมีและชีวโมเลกุลของสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี พ.ศ. 2568 (The 9th International Conference on Biochemistry & Molecular Biology, BMB Conference 2025) ภายใต้หัวข้อ BMB 360◦: Emerging Trends in Biochemistry & Molecular Biology Research ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคม 2568 เพื่อเป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ศาสตร์การวิจัยด้านชีวเคมีและชีวโมเลกุล อันเป็นงานวิจัยขั้นแนวหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจ BCG ของประเทศได้
โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานเปิดงานประชุมฯ พร้อมด้วยศาสตราจารย์ ดร. ศุภอรรจ ศิริกันทรมาศ กรรมการและประธานสาขาชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุลสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และศาสตราจารย์ ดร.สัญชัย พยุงภร หัวหน้าภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะประธานคณะทำงานจัดงานประชุมฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ โดยมีคณะนักวิจัย อาจารย์ ผู้แทนจากบริษัทเอกชน นิสิต นักเรียนและนักศึกษาที่มีความสนใจเข้าร่วมการประชุมกว่า 300 คน
วัตถุประสงค์ในการจัดการประชุมนานาชาติสาขาชีวเคมีและชึวโมเลกุลครั้งที่ 9 นี้เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ผ่านเวทีแลกเปลี่ยนทางวิชาการในการนำเสนอผลงานวิจัย และอภิปรายวิสัยทัศน์ในด้านการวิจัยและนวัตกรรมจากสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งภาควิชาการ ภาคการผลิต ภาคเอกชนและอุตสาหกรรม รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทั้งในและต่างประเทศ
พร้อมกันนี้ ดร.จิตติฯ ยังได้กล่าวให้ข้อมูลอีกว่า “บพค. ยินดีสนับสนุนการจัดงานประชุมวิชาการเฉพาะทางสาขาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อการพัฒนางานวิจัยขั้นแนวหน้า อันเป็นกลไกการขับเคลื่อนของ บพค. และระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยให้ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในเวทีโลก ซึ่ง บพค. ได้ดูแลแผนงานวิจัยขั้นแนวหน้าที่ครอบคลุมศาสตร์การแพทย์ส่วนบุคคล อาหารมูลค่าสูงแห่งอนาคต การเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศต้นน้ำให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะกำลังคนทักษะ/สมรรถนะสูง ซึ่งในงานประชุมนี้โครงการธัชวิทย์ได้สนับสนุนให้ผู้ช่วยวิจัย (นักศึกษา) ที่เกี่ยวข้องจำนวน 11 คนเข้าร่วมกิจกรรมตลอดทั้ง 3 วัน อันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีความตระหนักรู้คุ้นเคยกับแวดวงวิชาการ และต่อยอดองค์ความรู้ได้นอกเหนือจากห้องปฏิบัติการวิจัยหรือห้องเรียนทั่วๆไป เพื่อผลิตกำลังคนแห่งความหวังของประเทศในการสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่ประเทศไทย”