เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และอีก 4 หน่วยงานเครือข่าย ได้แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์กรมหาชน) (สคช.) และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนากำลังคนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV–HRD) ณ ห้องกมลทิพย์บอลรูม 2 โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน กว่า 100 คน
พิธีลงนาม MOU ดังกล่าว มีผู้บริหารจากทั้ง 6 หน่วยงานร่วมลงนาม ได้แก่ ดร.สิริพร พิทยโสภณ รองผู้อำนวยการ สอวช. นายสมชาติ สุภารี รองอธิบดี กพร. นางบัญชาลักษณ์ ลือสวัสดิ์ ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาธุรกิจและบริการ สอศ. นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการ สคช. นายสุโรจน์ แสงสนิท นายก EVAT และ ดร.รัฐภูมิ ตู้จินดา รองผู้อำนวยการ บพค. โดยมี นางเพ็ญนภา กัญชนะ ผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ดร.สุรพงษ์ เอิมอุทัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน (รง.) ร่วมกล่าวแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยานในความร่วมมือครั้งนี้
ดร.สิริพรฯ รองผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวถึงภาพรวมของความร่วมมือครั้งนี้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะเวลา 5 ปี ที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนประเทศ เพราะเกิดจากพลังของภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ที่ร่วมผนึกกำลังกันอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม เป้าหมายสำคัญคือการพัฒนากำลังคนให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ตั้งแต่การเตรียมบุคลากรรุ่นใหม่ในระบบการศึกษา การยกระดับทักษะของแรงงาน ไปจนถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสถานประกอบการ ผ่านการร่วมกันออกแบบหลักสูตรทั้งแบบ Degree และ Non-degree หลักสูตรเฉพาะทาง การฝึกอบรม การฝึกงาน รวมถึงการรับรองมาตรฐานวิชาชีพและมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยเน้นการ “Upskill — Reskill และ Newskill” เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรม และนำพาให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำในยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
นางเพ็ญนภาฯ ผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการพัฒนากำลังคนยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจรในครั้งนี้ คือการร่วมกัน “สร้างคน สร้างอนาคต” จากพลังของภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน เพื่อพัฒนาบุคลากรตลอดทั้งห่วงโซ่ของอุตสาหกรรม ตั้งแต่การเรียนรู้ การวิจัย ไปจนถึงการสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็วของโลกยานยนต์ไฟฟ้า โดยกระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการยกระดับองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนระบบการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงประสบการณ์จริงจากภาคอุตสาหกรรมกับการเรียนในสถาบันการศึกษา ตามแนวทาง “สร้างคน – สร้างงาน – สร้างนวัตกรรม” มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคตามกรอบ EV30@30 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero 2050)
ด้านนายสิบหมื่นชัยฯ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ระบุว่า กระทรวงแรงงานมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบาย Upskill และ Reskill แรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง โดย กพร. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ผ่านหลักสูตรที่ทันสมัยและตอบโจทย์จริง เช่น ระบบแบตเตอรี่และการประจุพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมย้ำว่าความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายในการผนึกพลังทุกภาคส่วน เพื่อสร้างแรงงานที่มีมาตรฐานฝีมือ พร้อมรองรับความต้องการของตลาดแรงงานและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เตรียม “กำลังคนคุณภาพ” สำหรับอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และสร้างโอกาสอาชีพใหม่ให้แรงงานไทยในยุคเทคโนโลยี
ดร.สุรพงษ์ฯ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงบทบาทของ ศธ. โดยเฉพาะ สอศ. ว่ามีความพร้อมในการเชื่อมโยง “ผู้ผลิตกำลังคน” กับ “ผู้ใช้กำลังคน” เพื่อสร้างแรงงานสายอาชีพและคณาจารย์ที่มีทักษะสอดคล้องกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผ่านการร่วมมือกับ สอวช. ในการพัฒนาหลักสูตรและสมรรถนะของครูอาชีวศึกษา รวมทั้งสนับสนุนให้กำลังคนวัยทำงานสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้ตลอดชีวิต ผ่านหลักสูตรที่ยืดหยุ่นร่วมกับ กพร. และการทำงานร่วมกับ EVAT เพื่อเสริมประสบการณ์จริงให้ผู้เรียนอาชีวศึกษา พร้อมปฏิบัติงานได้ทันทีในช่วงเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
ความร่วมมือระหว่าง บพค. สอวช. กพร. สอศ. สคช. EVAT และ ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการเติมเต็มช่องว่างและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบนิเวศการพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของประเทศ ต่อยอดสู่การยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทย และวางรากฐานการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
